ก่อนที่เราจะมารู้จักกับน้ำแร่เมื่อก่อนเราก็ดื่มเพียงแค่น้ำเปล่าแบบธรรมดา จนได้รับรู้น้ำแร่เป็นน้ำดื่มที่เป็นขั้นกว่าของน้ำเปล่า น้ำแร่เป็นน้ำที่ถูกกลั่นกรองผ่านกระบวนการธรรมชาติ โดยที่น้ำแร่ธรรมชาติจะเต็มไปด้วยแร่ธาตุที่ดีต่อร่างกายมากมาย คนส่วนใหญ่จึงเลือกหันมาดื่มน้ำแร่กันเยอะขึ้น ซึ่งในต่างประเทศนิยมดื่มน้ำแร่ธรรมชาติเป็นอย่างมากเรียกได้ว่า 95% เลยก็ว่าได้ข
แต่จะมีน้ำอีกหนึ่งชนิดที่สามารถดื่มได้อย่าง “น้ำด่าง” ซึ่งหลายคนเข้าใจว่าน้ำแร่กับน้ำด่างคือน้ำชนิดเดียวกัน แต่แท้จริงแล้วน้ำแร่ไม่ใช่น้ำด่าง ถึงแม่จะมีความคล้ายคลึงกันก็ตามแต่ เรามาดูความแตกต่างระหว่างน้ำแร่ธรรมชาติ กับ น้ำด่าง กันดีกว่า
น้ำแร่
น้ำแร่ จะเป็นน้ำที่เกิดขึ้นจากแหล่งกักเก็บใต้ดินตามธรรมชาติ และน้ำพุแร่ ทำให้มีแร่ธาตุที่สูงกว่าน้ำประปา หรือน้ำดื่มทั่วไป โดยห้ามไม่ให้ผู้ผลิตน้ำเดิมเหล่านี้เพิ่มแร่ธาตุลงในผลิตภัณฑ์ของตน เพราะจะต้องเป็นแร่ธาตุที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติอย่างแท้จริงแน่นอนว่าการดื่มน้ำแร่ก็จะดีกว่าการดื่มน้ำเปล่าแบบปกติขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง แร่ธาตุหลัก ๆ ที่มักพบในน้ำแร่ธรรมชาติ ได้แก่
น้ำด่าง
น้ำด่างธรรมชาติ (natural alkaline water) คือน้ำที่มีสภาพความเป็นด่างอ่อน ๆ ที่มีค่า pH อยู่ในช่วง 7.2 – 9.0 ซึ่งมักจะพบว่าเป็นคุณสมบัติของน้ำแร่ที่พบอยู่ในแหล่งน้ำธรรมชาติที่บริสุทธิ์ เช่น น้ำตกที่มาจากภูเขาสูง หรือผ่านกระบวนการกรองน้ำจากเครื่องกรองน้ำที่มีหินแร่จากธรรมชาติเป็นส่วนประกอบ นอกจากนั้นความเป็นด่าง ยังพบได้ในอาหารจำพวก พืช ผัก ผลไม้ เช่น ปวยเล้ง บร็อคโคลี่ พริกหยวก บีทรูท ขึ้นฉ่าย และในผักผลไม้ มีส่วนช่วยในการปรับสมดุลสภาพความเป็น กรด - ด่าง ภายในร่างกายให้อยู่ในสภาวะที่เหมาะสม ซึ่งจะทำให้เลือดไม่ต้องไปดึงแคลเซียมและแมกนีเซียมออกจากอวัยวะต่าง ๆ ช่วยในการรักษาสภาวะสมดุลของร่างกาย จึงทำให้ร่างกายทำงานได้อย่างปกติ ซึ่งเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยให้ร่างกายสามารถต่อต้านโรคภัยต่าง ๆ ได้
สรุปได้ว่าการรักษาให้ร่างกายไม่อยู่ในสภาวะความเป็นกรดมากเกินไปโดยการดื่มน้ำอัลคาไลน์ก็อาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดี แต่ก็ยังมีข้อมูลอีกส่วนหนึ่งบอกว่าการดื่มน้ำด่างอาจไม่เหมาะกับสภาพร่างกายที่เหนื่อยง่าย บวมน้ำ หรืออยู่ในระหว่างการรักษาโรคมะเร็ง เพราะเนื่องจากการดูดซึมแร่ธาตุบางอย่างในน้ำด่างเข้าสู่ร่างกายอาจต้องใช้พลังงานสูงกว่าปกติทำให้รู้สึกเหนื่อยง่าย และที่สำคัญก็คือวัยเด็กยังไม่ควรดื่มน้ำด่าง เพราะอาจมีปัญหากับระบบทางเดินอาหารได้
ซึ่งจริง ๆ แล้วน้ำด่างอาจจะเหมาะสมกับบางบุคคลเท่านั้น หรือเพื่อสร้างความสมดุลในร่างกายสำหรับบางบุคคล ถึงแม้ว่าจะมีข้อมูลจากหลายแหล่งบอกว่าน้ำด่างสามารถรักษาโรคได้ไม่ว่าจะเป็นกรดไหลย้อน , กรดเกินในกระเพาะอาหาร , ท้องผูก , รูมาตอยด์ , ภูมิแพ้ผิวหนัง หรือโรคอะไรก็แล้วแต่ แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่าน้ำด่างช่วยรักษาได้จริงหรือไม่
ถึงแม้ว่าคนเราจำเป็นที่จะต้องดื่มน้ำในปริมาณมาก ๆ ทุกวัน แต่ก็ต้องเลือกน้ำที่สะอาดต่อร่างกาย ซึ่งบทสรุปก็คือน้ำแร่ธรรมชาติมีความแตกต่างกับน้ำด่าง ไม่สามารถทดแทนกันได้ ซึ่งน้ำแร่ธรรมชาติจะมีความสะอาด และบริสุทธิ์ที่มนุษย์สามารถดื่มได้เป็นประจำทุกวัน เพราะมีแร่ธาตุต่าง ๆ ที่ช่วยเสริมสร้างให้กับร่างกายไม่เป็นอันตราย ในส่วนของน้ำด่าง ที่เป็นน้ำด่างแท้ ๆ นั้นยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ว่าดีต่อสุขภาพหรือไม่ ดังนั้นในการเลือกซื้อน้ำด่างอาจต้องศึกษาให้ดีก่อนซื้อ
ในส่วนของ Icelandic Glacial น้ำแร่ธรรมชาติที่มีความเป็นน้ำด่างโดยมีค่า pH 8.4 ยืนยันได้ว่าเป็นน้ำแร่ธรรมชาติที่ดีต่อสุขภาพ ช่วยปรับสมดุลภาวะกรดด่างให้กับเซลล์ในร่างกายได้อย่างลงตัว อีกทั้งยังเต็มไปด้วยร่าตุที่ดีต่อร่างกายสามารถดื่มได้เป็นประจำทุกวัน และทุกช่วงวัย
ที่มา : https://www.medicalnewstoday.com/articles/324910#mineral-water-vs-regular-water
https://goodlifeupdate.com/healthy-body/89935.html
https://w9wellness.com/alkali-water/
อ้างอิงงานวิจัยจาก rejuvis